เวลาใครเขาพูดถึงศิลปะ ใจเราก็ประหวัดไปถึง - ภาพสีน้ำมัน, ปูนปั้นต่ำๆ สูงๆ, Art Exhibition ขาวๆ สวยๆ, อาจารย์หนวดครึ้มผู้ตะหวัดปลายพู่กันอย่างมาดมั่น ฯลฯ
คงจะมีน้อยคนที่คิดว่าตัวเราเองก็สามารถเป็นนักสร้างศิลปะได้ ยิ่งคนทำสื่อที่วุ่นอยู่กับการสัมภาษณ์ ทำงานหน้าแป้นพิมพ์ (รวมทั้งหลังไมค์และหลังกล้อง)ทุกวันแล้ว พู่กัน เป็นสิ่งที่ห่างไกลชีวิตประจำวันจริงๆ
แต่จากกิจกรรมสื่อสร้างสรรค์ของพี่อุ๊ทำให้ฝันของหลายคนที่อยากวาดรูป(แต่คิดว่าแก่เกินจะวาดรูป)ได้เป็นจริง!
ชื่อเต็มๆ ของค่ายคราวนี้มีชื่อว่า "ศิลป์.. สร้าง.. สรรค์.. สุข" หรือ "Contemplative Arts for Happiness " แค่ฟังชื่อ บวกกับสถานที่พักพผ่อนอย่างชะอำแล้ว ทำให้พลพรรคสื่อสร้างสรรค์ไปกิจกรรมคราวนี้ล้นหลาม
อีกด้านวิทยากรหน้าใส วัยเด็ก (?) สองท่านก็มารออยู่ ได้แก่ ครูอั๋น จากอาศรมศิลป์ และ พี่นุ้ย ทำมือ จาก YIY
เนื่องจากเมื่อยเนื้อตัวจากการเดินทาง กิจกรรมเริ่มแรกจึงเป็น "ผ่อนพักตระหนักรู้" ซึ่งเป็นกิจกรรมคล้ายๆ "ซ่อนตาดำ" แต่ขลังกว่า เพราะเป็นการซ่อนตาดำเวอร์ชั่นมีเสียงนุ่มๆ ของครูอั๋นกล่อม ให้เราได้ผ่อนคลาย สบาย เผลอหลับไปหลายคน ฟี้ๆ~
หลับซักพักก็ได้ฤกษ์ตื่น พูดคุยทำความรู้จักชื่อ และเรียนรู้เรื่องดนตรีกับสุขภาวะทางจิตวิญญานผ่านกิจกรรมที่มีชื่อว่า “เสียงและท่วงทำนองภายใน”
ครูอั๋นบอกให้ทุกคนนอนลง ตะแคงตัวนอน จินตนาการถึงวัยเด็กของตัวเอง ทารกน้อยๆ ที่กำลังถูกขับกล่อมอยู่ ฮัมเพลงกล่อมนั้นเบาๆ
แล้วเสียงฮัมเล็กๆ มากมายก็ดังขึ้น
"ฮึม ฮึม... ฮึม"
จากนั้นเราก็ฮัมเพลงในวัยที่ที่โตขึ้น ฮัมเพลงที่อยากฮัมขึ้นมา เมื่อฮัมจนถึงเพลงปัจจุบัน ครูอั๋นก็บอกให้เราลุกขึ้น หลับตา และเดินฮัมไปทั่วห้อง
เสียงฮัมใหญ่ๆ เล็กๆ ดังฮัมๆ ไปทั่ว
ครูอั๋นบอกให้เราแลกเปลี่ยนเพลงฮัมให้กับเพื่อนที่เราเจอ เราฮัมให้เพื่อนฟัง เพื่อนฮัมให้เราฟัง แล้วเราก็ได้เพลงของเพื่อน เพื่อนก็ได้เพลงของเรา เพลงของเพื่อนกับเราไม่หายไปไหน แต่อยู่ในห้องนี้ อยู่ในคอของเรา
เราเปลี่ยนเพลงของเพื่อน ให้เพื่อนคนต่อไป จนครูอั๋นให้เราจับกลุ่มกัน แล้วฮัมเพลงของเพื่อน พร้อมกับฟังเพลงของเพื่อน จนเพลงของเราและเพลงของเพื่อนเป็นเพลงเดียวกัน
"ฮึมมมมมมม ฮึมมมมมมมมมม ฮึมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม"
เสียงฮัมสุดท้ายหนึ่งเดียว จบลง
เรานั่งลงและเเลกเปลี่ยนได้ความคิดหลากหลาย
ทั้งการฮัมเพลงวัยเยาว์ที่ทำให้ความสดชื่นแจ่มใสกลับคืนมา แต่บางคนก็คิดถึงเพลงวัยเยาว์ไม่ออก
จนถึงเพลงปัจจุบันกับการฮัมเพลงแลกเปลี่ยน ที่บางคนฮัมเร็วจัง บางคนก็ช้ามากๆ ปรับยากเหลือเกิน แต่ก็กลายเป็นเสียงเดียวกันในตอนท้าย
การฮัมครั้งสุดท้ายนั้นยากที่สุดแต่ก็ทิ้งให้เกิดความคิดมากมาย ไม่ว่าจะลดเสียงของเราให้เสียงของเพื่อนนำ นำเสียงของเราขึ้นมา ฯลฯ
ครูอั๋นบอกว่านี่เป็นกระบวนการหนึ่งของดนตรีที่ดึงบทเพลงจากตัวเราออกมา รวมกัน เกิดเป็นบทเพลงใหม่ร่วมกัน
หลังจากการฮัมเพลงจากภายใน เราก็กินข้าวข้างนอกรับลมทะเลกัน อิ่มแล้วก็กลับเข้าห้องเรียนกับครูอั๋นต่อ
กิจกรรมต่อไปคือ การวาดสีน้ำ
หลายคนตื่นตา ตื่นใจ ตื่นเต้น แต่ครูอั๋นดันมีข้อจำกัดซะอย่างนั้น
ข้อบังคับแปลกๆ ได้แก่ บังคับให้ใช้สี 3 สี แดง เหลือง น้ำเงิน แต้มสีเป็นจุดๆ แบ่งสีเป็น 3 แถบ ห้ามทาสีปนกัน
โอ้โห! ข้อบังคับเยอะจริงๆ ทำไมทาสีน้ำต้องมีข้อห้ามเยอะอย่างนี้ แต่เนื่องจากเราเป็นคนว่านอนสอนง่าย เลยตั้งหน้าตั้งตาจิ้มสี ทาๆ กันไป
เอามาแลกเปลี่ยนกันหน่อย
กิจกรรมต่อไปคือทำหนังสือทำมือ แต่เนื่องจากตอนเย็นมีเสียงอืออึงรีเควสต์ "แดจังกึม" กิจกรรมเลยร่นขึ้นมาข้างหน้าให้ทำได้ทัน พี่นุ้ยจึงเตรียมวาดรูปสำหรับ "สมุดทำมือ" ไว้ก่อนกินข้าว
วาดง่าย เร็ว เยอะ ก็ต้องช่วยกันลงแขกด้วยสีน้ำมัน แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม สามแผ่นโตๆ วาดรูปกันอย่างเมามันส์
กลุ่มแรก งามงดดอกไม้บาน
กลุ่มนี้ ปนๆ งงๆ กันไป แต่พออกมาแล้วสวยนะคะ อุๆ
ส่วนอันนี้ใสๆ หวานๆ น่ารักๆ
หลังจากวาดรูปกันสวยงาม ก็พากันไปปิ้งอาหารทะเลกินกัน เคี้ยวปลาหมึกไปดูแดจังกึมไป แงะหัวกุ้งไปกรี๊ดไป อุๆๆ ละครสนุก
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ กิจกรรมก็ยังไม่จบ เป็นกิจกรรมที่รอคอยได้แก่ ทำ "สมุดทำมือ" นั่นเอง
ขั้นตอนนั้นถ้าอยากทำได้เองบ้างสงสัยต้องไปลงคอร์สเรียนกับพี่นุ้ยเอง (ซึ่งได้ยินมาว่าตอนนี้เปิดสอนที่ art4heart เป็นที่เรียบร้อย ถ้าอยากเรียนถามพี่อุ๊หรือพี่นุ้ย ได้เรียนแน่ๆ) เพราะละเอียดมากตั้งแต่ ฉีกกระดาษ เจาะกระดาษ ถักเชือกขึ้นซ้าย ไขว้ขวา กันให้งงงวย แต่พอทำเป็นแล้วไม่ยากๆ ต้องลอง
ทำเสร็จแล้วความปลาบปลื้มก็เอิบอาบซ่าบซ่านไปถึงหัวใจ อยากตะโกนดังๆว่า
"ฉันทำสมุดเองได้ด้วย!!" ^_^V
โชว์ค่ะ โชว์ ทำเสร็จแล้วเอามาตั้งเป็นปิรามิด สวยจังเลย
งามนะคะ ถึงตอนนี้ไม่รู้ทุกคนจดสมุดทำมือเล่มเล็กนี่ไปถึงไหนแล้ว นิ้งจดไปหน่อยเดียวเอง เย็นนี้จะไปจดเพิ่มค่ะ ^^
หลังจากทำสมุดทำมือกันเสร็จหลายคนเข้านอน ในขณะที่หลายคนคุยเรื่องเหตุบ้านการเมืองกันอย่างเมามัน
----------------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่ หลังจากบิดขี้เกียจ สลัดขี้หูขี้ตากันเรียบร้อย ก็เขาชั้นเรียนศิลปะกันต่อ
คราวนี้ครูอั๋นผู้น่ารักให้วาดสีน้ำมัน ว้าว! ตื่นเต้นจัง ไม่เคยวาดเอาซะเลย
แต่ยังค่ะ ยัง ครูอั๋นมีข้อแม้ก่อน คือ ให้เลือกสีที่ดึงดูดเราที่สุดจากจานสี หลับตา ทำใจให้ว่าง สบาย ใช้มือซ้ายจับพู่กัน ลากเส้นไปหนึ่งเส้นตามแต่ใจจะพาไป
หลังจากนั้นก็ลืมตา วาดรูปโดยไม่ต้องคิดว่ารูปที่ออกมาจะคืออะไร
ทุกคนเงียบและจดจ่อกับการลากเส้น และ สีในจานกระดาษ
สีมากมายถูกป่ายปัด จากสีหลายสีก็กลายเป็นภาพ หลายคน หลายภาพ หลากหลายให้เลือกชม
หลังจากวาดกันแล้ว ครูอั๋นก็แบ่งเราออกเป็นกลุ่ม แยกกันพิจารณาภาพของทุกคนในกลุ่มยกเว้นตัวเอง
ข้อพิจารณาภาพนั้นประมาณว่า (ไม่แน่ใจว่าจำได้หมดไหม สมองพื้นที่น้อยค่ะ)
- เห็นเส้น สี อะไรบ้างในภาพนั้น
- เส้นสีเหล่านั้นบอกอะไร
- เรารู้สึกอย่างไรกับภาพนั้นบ้าง
น่าแปลกว่าภาพที่ไม่ได้ตั้งใจวาดให้เป็นภาพ กลับเป็นภาพ แถมยังบ่งบอกอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเรา ตัวตน ความคิด สภาพจิตใจ ได้อย่างตรงไปตรงมา จนน่าฉงน
บางทีภาพกับใจของเราคงสื่อกัน
ภาพอันไหนของใคร จำได้ไหมเอ่ย
น่าแปลกใจจังว่าทำไมภาพออกมาเป็นภาพ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียน ไม่เคยวาด ไม่เคยลอง แต่ภาพที่ออกมากลับสวย แปลก เราค้นหาความงามของมันจนพบ แม้จะไม่เข้าใจภาพนั้นทั้งหมดก็ตาม คงเป็นเพราะทุกคนมีความงามอยู่ในใจ
แกลลอรี่ภาพสีน้ำมันของคราวนี้ ทำเอาหลายคนกลับบ้านไปซื้อสี ซื้อชอล์ก ซื้อดินสอ มาฝึกปรือฝีมือกันหลายคน เช่น หนูนิ้ง พี่เเอม พี่ปิ่น
นอกจากนี้ยังได้ยินอีกว่าพี่โอ๋ ไปหัดทำสมุดทำมือกับพี่นุ้ยทำมือ จนวิทยายุทธแกร่งกล้า ทำเป็นของฝากให้เพื่อน ปรากฎว่าตอนนี้ลามปามกลายเป็นธุรกิจเอาเสียแล้ว ว้าวว~ ท่าทางจะเจริญรุ่งเรือง
ไม่รู้ว่าตอนนี้หลายคนที่กลับจากค่ายนี้ได้สัมผัสสีอีกรอบแล้วหรือยัง ถ้ายัง ลองอีกรอบกันนะคะ สนุกดี เหมือนได้ระบายสี ระบายความรู้สึก จิตใจลงไปในภาพ
แล้วว่างๆ เอารูปภาพมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ ^^
2 ความคิดเห็น:
I like your writing very much. it made me recall such a nice and relaxing experience with brushes and colours.
Thank you for your participation na kha.
ฮัลโหลสาวสาว
จะว่าไปแล้ว ประทับใจกับเวิร์กช็อปหนนี้มาก เพราะแต่ละโจทย์ทำให้เหงื่อตกได้ทุกครั้ง ;-)
ไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้ยอมเชื่อแล้ว ว่าร่างกายของเราสามารถเก็บข้อมูลอะไรต่อมิอะไรได้มากมาย เมื่อมีโอกาสได้เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยศํกยภาพ ในการเชื่อมโยงกับข้อมูลเหล่านั้น ก็พบว่า มหัศจรรย์จริงๆ
ขอบคุณสาวนิ้งสำหรับบันทึกการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา และขอบคุณสาวอุ๊สำหรับการเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดกิจกรรมเรียนรู้ดีๆ อย่างนี้
สาธุ _/|\_
แสดงความคิดเห็น