วันศุกร์, พฤษภาคม 26, 2549

สุนทรียสนทนา : คุยให้สุข เมื่อเราฟังอย่างลึกซึ้ง ภาคหนึ่ง

สุนทรียสนทนา : คุยให้สุข เมื่อเราฟังอย่างลึกซึ้ง
......ภาคหนึ่ง สุขภาพองค์รวมและวิทยาศาสตร์ใหม่

“สุนทรียสนทนา”

คำๆ นี้คงเป็นคำที่คุ้นชินหูเราหลายๆ คนที่เข้าร่วมกิจกรรม "ผ่อนพักตระหนักรู้และสุนทรียสนทนา" ของโครงการพี่อุ๊เป็นอย่างดี

อากาศ กลิ่นหญ้า อุณหภูมิหนาวๆ บวกกับเสียกีต้าร์พริ้วๆ ของอาจารย์คงไม่ทำให้พวกเราลืมการเดินทางครั้งนั้นได้ง่ายนัก

หากถามว่า "สุนทรียสนทนา" คืออะไร อยากจะให้เราหลายๆ คนที่เข้าร่วมกิจกรรมช่วยกันเติมความหมายของมันให้เต็ม

ในทัศนะของนิ้งคิดว่า สุนทรียสนทนาคือการพูดคุยที่ทำให้เกิดสุข การพูดคุยที่ไม่ตัดสิน การพูดคุยเพื่อการพูดคุย ไม่เป็นอะไรไปมากกว่านั้น

การเดินทางครั้งนั้นเราได้เดินทางกันโดยทางเครื่องบิน จำได้ว่าเช้าวันนั้นหมอกลงจัด เครื่องไม่ได้ฤกษ์ขึ้นเสียที ทำเอาหลายคนหาของกินกันจนท้องอิ่ม (แต่เครื่องก็ยังไม่ขึ้น) พี่จ๋านอนหลับแบบกดปุ่มสั่งได้ตลอดการเดินทางจนหลายคนอเมซิ่ง เราเลยไปถึงจุดมุ่งหมายช้ากว่าที่กำหนดไว้

ไปถึงก็ได้เจอวิทยาการหน้าตาแจ่มใส ได้แก่ พี่ณัฐฬส พี่น้อง และ อาจารย์ผู้ดีดกีต้าร์ได้ไพเราะเพราะพริ้ง (หากตกหล่นชื่อใครไปขออภัย ไม่ได้เป็นเพราะลืม แต่ลืมชื่อ) นั่งๆ นอนๆ เอกเขนกรอที่ได้ต้นไม้ ^^

เราทำกิจกรรมเริ่มต้นรู้จักทักทายของพี่น้องที่กำหนดให้เราหลับตาเดิน และพูดคุยกับคนที่เราเจอเมื่อลืมตา


ภาพแฉ 1 : พี่โก๋จีบน้องไมโลใหญ่เลย

หลังจากนั้นเราก็เข้าไปคุยกับคุณหมอวิธาน ฐานะวุฑฒ์ เรื่อง สุขภาพองค์รวมและวิทยาศาสตร์แบบใหม่กัน

คุณหมอเล่าว่าแต่ก่อน คุณหมอเป็นหมอกระแสหลักมัก มองอะไรแบบแยกส่วน หมอก็ทำหน้าที่หมอ คนไข้ก็ทำหน้าที่คนไข้ แต่เมื่อได้มาสนใจมุมมองของวิทยาศาสตร์และสุขภาพแบบกระบวนทัศน์ใหม่ พบมุมมองแบบ bird’s eyes view มากขึ้น ทำให้เห็นว่าเรื่องของสุขภาพไม่ใช่แค่เรื่องของ "หมอ" กับ "คนไข้" เท่านั้น แต่ผูกพันธ์อย่างยิ่งกับ "จิตใจ" และ "ความสัมพันธ์ของมนุษย์"

คุณหมอยกตัวอย่างงานวิจัยแห่งหนึ่งที่พบว่า คนไข้โรคหัวใจขาดเลือดที่ผ่าตัด 30%-40% อาการจะแย่ลงจนต้องกลับมาผ่าตัดใหม่ คุณหมอจากงานนี้ได้ลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการดูแลคนไข้ใหม่ นอกจากเรื่องอาหาร การออกกำลังกายแล้ว แต่ต้องยังดูแลในเรื่องสุขภาพใจ มุมมองต่อโลก และดูแลอารมณ์ที่ไม่เหมาะสมด้วย

คุณหมอคนนี้พบว่าคนไข้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

ฉะนั้นเราต้องมองสุขภาพองค์รวมแบบใหม่ที่เชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ มากขึ้น

"สุนทรียสนทนา" เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ดูแลสุขภาพของเราด้วย เนื่องจากเกี่ยวพันกับ "จิตใจ" และ "ความสัมพันธ์ของมนุษย์"

คุณหมอบอกว่า สุนทรียสนทนาเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่มีเพื่อทำความเข้าใจ แต่สื่อสารเพื่อการเรียนรู้และเปิดโอกาสให้ตัวเราเองลองมองโลกแบบใหม่ได้กว้างขึ้น ปลอดโปร่ง จนเกิดอาการ “ปิ้งแว้บ” หรือ "ญาณทัศนะ" ขึ้นในสมอง

เงื่อนไขง่ายๆ ใน "สุนทรียสนทนา" คือ การฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง, แขวนความคิดและการติดสินของเรา และไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป

"การฟังอย่างลึกซึ้ง" เป็นการเฝ้าดูความคิดของเรา ส่วน "การแขวนความคิดและการตัดสิน" เป็นการเปิดโอกาสให้เรามองโลกแบบใหม่ และลดภาวะอารมณ์โกรธจาก "ความไม่เห็นด้วย" ซึ่งเป็นอารมณ์ลบของเราลง และ "ไม่จำเป็นต้องมีข้อสรุป" คือ ปล่อยให้แต่ละคนได้ตรึกตรองเอง แต่หากในการประชุมที่จำเป็นต้องมีข้อสรุป การใช้สุนทรียสนทนาคือการทอดเวลาให้คนได้พูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง เปิดโอกาสให้ทางเลือกใหม่ๆ ได้เข้ามา

คุณสมพล ผู้บริหารจาก ARROW ได้เข้าร่วมการพูดคุยด้วย แลกเปลี่ยนในแง่องค์กรทางธุรกิจที่ได้รับการฝึกใน "สุนทรียสนทนา" อย่างน่าสนใจว่า

"dialogue เป็นสิ่งที่ฝืนความเคยชินเดิมของเรามาก เดิมการประชุมคือการเข้าประเด็นถกเถียงกัน หลังจากการฝึกครั้งนี้ เราเริ่มรู้ว่าเราจะพูดคุยสัมพันธ์กันอย่างไร ก่อนเข้าประเด็นเรื่องงานเราก็จะให้เวลาฟังเรื่องราวของกันและกันซึ่งอาจเป็นเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่อยากจะพูดถึง การเริ่มต้นแบบนี้เป็นการเปิดทางให้การรับฟังต่างๆ ระหว่างการประชุมดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าที่มีธรรมชาติไม่ค่อยฟังใคร ใช้อำนาจแทรกแซง สรุปเร็ว ทำให้เราเตือนตัวเองให้ช้าๆ เพื่อเปิดทางให้คนอื่น

ส่วนในกรณีที่เราต้องสัมพันธ์กับคนที่ยังไม่ได้ผ่านการเรียนรู้วิธีการนี้ ก็ควรปล่อยวางก่อน ในที่นี้มิได้หมายถึงปล่อยหรือทิ้ง แต่เราจะจัดการคนอื่นได้มากขึ้นเมื่อเราจัดการตัวเราเองก่อน และเฝ้าสังเกตดูด้วยความเข้าใจรับฟัง ซึ่งก็อาจจะมีจังหวะโอกาสดีๆ ที่เราจะพูดหรือทำสิ่งใดให้บ้างเล็กน้อย สถานการณ์ก็อาจเปลี่ยนไปได้"

หมดไปหนึ่งสำหรับการฟังความรู้จากคุณหมอ อิ่มสมองจนคลื่นแอลฟากระจายเต็มบรรยากาศ เหล่าเราก็กินข้าวกันให้อิ่มท้อง

จบตอนที่หนึ่งด้วยรูปภาพบรรยากาศจากเชียงรายให้ได้อมยิ้มกัน

ภาพแฉ 2 : รุมตักกันใหญ่ ไม่เหลือที่ให้อาจารย์เลยนะ (งอน)

............................................................................................................................

1 ความคิดเห็น:

ช. อนุกูล กล่าวว่า...

ชอบภาพแฉจัง ;-)

กำลังตามอ่านภาคถัดไป

เออ... ว่าแต่ว่า มีกี่ภาคกันจ๊ะ?