วันพุธ, ตุลาคม 01, 2551

อาชีพนักข่าว เป็นหนึ่งในอาชีพของพระโพธิสัตว์ อย่างไร?
พระศรีอารยเมตไตร เป็นพระผู้ฟังอย่างลึกซึ้ง ผู้ยื่นมือ ยื่นหัวใจไปยังทุกคนที่ร้องไห้และทุกข์ทน


นักข่าวไม่ใช่หรือที่ต้องออกไปทำข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัยมีการปะทะยิงกัน น้ำท่วม มีไฟป่า
อุบัติเหตุ คลุกคลีกับทุกข์กับความจริง รับฟังปัญหาความทุกข์อย่างเข้าอกเข้าใจ และนำเสนออย่างเป็นธรรมเพื่อ ....

สังคมที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีคนที่หัวใจพระโพธิสัตว์อยู่ นักข่าวก็เช่นกัน เราเชื่อเช่นนั้น


นับเวลาที่เราดูโทรทัศน์ ซึ่งน้อยลงทุกวัน เราได้เห็นว่าอาชีพนักข่าว นักสื่อสารมวลชนเป็นอาชีพที่ประเสริฐ เหมือนกับหมอรักษาผู้ป่วย ในแง่ที่ว่า ผู้ที่ทำงานในอาชีพนี้ได้รับโอกาสอันสูงส่งให้อยู่ใกล้ชิดกับทุกขสัจ


เราเห็นความตาย การทะเลาะเบาะแว้งกัน น้ำท่วมและหยาดน้ำตา เห็นการทุจรติฉ้อโกง เห็นการเอารัดเอาเปรียบและเบียดเบียนกัน

ความจริงของโลกเหล่านี้ทำให้เราตระหนักเห็นอะไรบ้างในชีวิต ช่วยขัดเกลาเราให้มีจิตสูง ช่วยเหลือผู้อื่นขึ้นด้วยไหม ทำให้เราปลงกับชีวิตของเราเองได้อย่างไร การเห็นความจริงเช่นนี้ทำให้เรามีความรัก ความห่วงใยในอันที่จะช่วยให้เพื่อนร่วมสังคมพ้นทุกข์อย่างไร

เรานั่งดูนักข่าวพลเมืองทางทีวีไทย และได้เห็นถึงหัวใจคนทำงานสื่อผู้อยู่เบื้องหลัง หัวใจแห่งความกรุณา ความรัก และการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักข่าวพลเมือง

เมื่อคืนได้เห็นมิติการมองว่า มนุษย์เราแม้จะแตกต่างในเรื่องศาสนา คริสต์ และ พุทธ แต่ในชุมชนอุรักละโว้ย (ชาวเล) เรายังมีสิ่งที่เหมือนกัน คือ รากเหง้าเผ่าพันธุ์ ความเป็นชาวเล ซึ่งเอาสิ่งนี้มายึดโยงกันได้ น่าชื่อใจจริง ๆ ถ้าไม่ใช่นักข่าวพลเมือง จะคิดได้อย่างนี้หรือเปล่านะ


ข่าวสั้น ๆที่เราเสพนี้บำรุงสมอง และหัวใจอย่างยิ่ง


เราคิดต่อไปว่า สำหรับข่าวอื่นๆ เล่า จะทำให้เกิดสิ่งนี้ได้ด้วยไหม

เราจะนำเสนอข่าวน้ำท่วม ให้เราเข้าใจชีวิต ปลุกเร้าความกรุณาของเราต่อเพื่อนมนุษย์ได้อย่างไร


สุดท้าย สำหรับเพื่อนนักข่าว
เราทำข่าวไปทำไม คุณค่าและความหาย หัวใจของการทำข่าวอยู่ตรงไหน

การมองเห็น การสังเกตุ และการฟัง เป็นสิ่งที่เราใช้ในการรับรู้และเรียนรู้โลก เราใช้มันเป้นหรือยัง เราเข้าใจโลกแค่ไหน คุรุชาวอินเดีย กฤษณมูรติกล่าวไว้ว่า

การมองเห็นและสังเกตเป็นศิลปะ เมื่อเราเดินเล่น เราไม่เห็นการทะเลาะเบาะแว้ง ความทุกข์ข้างถนน ฝุ่นผงบนฟุตบาท หรือหมาที่กำลังนอนป่วย หากเราเริ่มที่จะเห็นสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็น เราจะลงมือทำอะไรบางอย่าง


การเห็นเป็นการกระทำ ถ้าเราเห็น เราสังเกต เราฟัง เราจะอดไม่ได้ที่จะลงมือทำ เด็กคนหนึ่งขี่จักรยานบนถนน สักพักเธอหยุดและเดินลงมาเก็บขยะที่เธอเห็นข้างทางไปทิ้ง ก่อนที่จะขี่จักรยานต่อไป


ไม่ต้องคิดว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด หากเห็นให้เป็น หรือเปิดตามอง ให้ลงไปถึงใจ ใจจะบอกให้เราลงมือทำอะไรสักอย่าง


แต่โดยมากที่เราไม่ทำอะไรเพราะตาบอด และหูหนวก ไม่รับรู้โลก แต่อยู่กับความคิด ความกลัว ความฝัน
---- แปลและย่อความ จากกฤษณมูรติ


กรรณจริยา สุขรุ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: