ข่าวคราวแหล่งท่องเที่ยวทางนิเวศวัฒนธรรมชื่อดังอย่างตลาดน้ำอัมพวา คงเป็นที่คุ้นหูของใครหลายคนดีอยู่แล้ว และอาจมีสักครั้งหรือมากกว่าที่คุณมีโอกาสได้ไปเยือนที่นี่ ติดใจ ประทับใจ และอยากชักชวนต่อให้คนรู้จักได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตไทยๆดั้งเดิมที่หาดูได้ยากยิ่งอย่างนี้
สภาพของช่วงสามวันแห่งการเปิดตลาดสุดสัปดาห์ โดยเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ไปดูเอาเถิดว่าคลื่นมหาชนหลั่งไหลในลำน้ำสายเล็กๆนั้นเป็นอย่างไร สิ่งนี้คงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเราๆ ไม่ว่าจะมาจากกรุงเทพฯ หรือเมืองต่างจังหวัดใกล้ไกลอื่นๆ ล้วนแต่คิดเหมือนๆกัน ล้วนแต่ “โหยหา” วิถีแห่งอดีตอันงดงามเหมือนๆกัน
อดีตที่อัมพวาไม่ได้หมายเฉพาะสถาปัตยกรรม โบราณสถาน โบราณวัตถุ แต่ที่วิเศษที่สุดก็คือ ผู้คน การดำรงชีวิต และทัศนคติวิธีคิด
บ้านเมืองในสังคมเกษตรกรรม พึ่งพาอาศัย มีมิตรจิตมิตรใจต่อกัน และอยู่บนรากฐานของความพอเพียง
ทั้งหมดไม่ได้ถูกเซ็ทให้เข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับล่าสุด หรือรณรงค์ไปตามเทรนด์เมื่อเราหันมาฮิตเรื่องดัชนีชี้วัดความสุข หากนั่นเป็นวิถีชีวิตเดิมๆของคนไทยเรา เป็นเรื่องเก่า เรื่องปกติ ที่เราบริหารประเทศกันอีท่าไหนไม่รู้ เรื่องเหล่านี้ถึงกลายเป็นแค่เรื่องเล่าจากอดีตไปในเวลาแค่ชั่วคนเดียว
และโดยเหตุที่สภาพชุมชนของอัมพวา หรือจะว่าไปก็ของเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงครามทั้งเมืองนั่นแหละ มีความเข้มแข็ง (หรือโชคดี) ที่รักษาลักษณะดั้งเดิมนี้ไว้ได้ ในขณะที่เมืองอื่นเกือบทั้งประเทศกลายพันธุ์เป็นสังคมอุตสาหกรรมกระหน่ำบริโภคนิยมกันไปหมดแล้ว นี้จึงกลายเป็นจุดขายที่ทำให้อัมพวาได้รับความสนใจท่วมท้นแทบจะทันทีที่ถูกเปิดตัว
แต่มีข้อสังเกตที่สวนทางอย่างน่าแปลกใจและน่าเสียดาย คือ
ในขณะที่เราหลงใหลและอยากกลับไปสัมผัสวิถีเดิมแท้ เราส่วนใหญ่กลับช่วยๆกันสร้างความแปลกปลอม ซ้ำร้ายบางอย่างกลายเป็นการทำลายบรรยากาศไปเสียได้แม้ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
เราอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาอยู่อย่างเรียบง่ายสไตล์โฮมสเตย์ แต่จะดีมากกว่าหากที่พักถูกจัดสรรอย่างสะดวกสบาย มีแอร์ด้วยไหม อาหารเช้าอย่างไร ยิ่งตึกใหม่ๆใหญ่โตสวยหรู ติดไฟสว่างไสวยิ่งดูน่าดึงดูดใจ
เราอยากชมหิ่งห้อย แมลงตัวน้อยๆที่เปล่งแสงสดใสตามต้นลำพู แต่กลับสะดวกใจที่ได้ใช้บริการเรือหางยาวเครื่องแรงลำเล็กปราดเปรียว ที่สามารถซอกซอนพาเราเข้าไปใกล้ชิดชนิดจับต้องกันได้กับเจ้าหิ่งห้อย เราหัวเราะส่งเสียงร้องเรียกชี้ชวนกันดูหิ่งห้อย เรายิ้มเริงร่าที่จะได้ชักภาพโดยใช้ไฟแฟลชช่วยเก็บรูปคู่กับเจ้าหิ่งห้อยได้ชัดๆ เรายินดีที่คนขับเรือช่วยส่องสปอร์ตไลท์นำสายตาไปตามต้นลำพูและตามต้นไม้ที่นกยางเกาะคอนหลับสงบอยู่ เราเอาแต่นึกว่านี่คุ้มกับค่าเรือนำชม 60 บาทที่จ่ายไปแล้วหรือยัง
จะมีเพียงบางอึดใจไหมที่เราได้ลองนึกสังเกตว่า สภาพทั้งหมดนี้จะกระทบกระเทือนวิถีชีวิตอันอ่อนไหวของแมลงหิ่งห้อย ซึ่งเปราะบางเหลือเกิน ซึ่งชอบอาศัยอยู่กับธรรมชาติสะอาดและสงบ ซึ่งหาไม่ได้แล้วในที่ไหนๆ ซึ่งเราเลยต้องถ่อมาดูแมลงบ้านๆไกลถึงที่นี่ เพราะมันมีเยอะที่สุดที่นี่เป็นที่สุดท้ายแล้ว ซึ่งทุกวันนี้แมลงเหล่านี้ก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบเสียแล้ว
ฯลฯ
2-3 ปีก่อน เรือนแถวไม้ริมน้ำคลองอัมพวายังถูกทิ้งร้างนับมาตั้งแต่การตัดถนนเส้นทางสัญจรทางบกสะดวกสบาย ผู้คนทิ้งถิ่น เลิกอาชีพทำสวนทำประมงพื้นบ้านที่แสนเหนื่อยยาก เข้าไปทำงานในเมืองหลวงและตามแหล่งอุตสาหกรรม มาวันนี้ที่กระแสนักท่องเที่ยวหลั่งไหล อัมพวาคึกคักขึ้นก็จริง แต่หลายๆพื้นที่ถูกแปรสภาพตัดต้นไม้ถมที่ทำรีสอร์ทโฮมสเตย์ เรือนำเที่ยวจากต่างถิ่นมุ่งเข้ามาขุดทอง วิถีชีวิตเจือจานเกื้อกูลถูกครอบงำทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นของมี “ราคา” เป็นสินค้า มีไว้ซื้อขาย ซ้ำสิ่งแวดล้อมตามสภาพธรรมชาติก็รังแต่จะถูกรบกวนหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
ไม่อยากมองโลกแง่ร้ายนึกไปถึงว่า จุดจบของชุมชนเก่ากี่แห่งต่อกี่แห่งที่เจอ “ททท – ท่องเที่ยวทำลายไทย” พังระนาวไปตามๆกัน หวั่นใจว่าอัมพวาจะกลายเป็นน้องใหม่ล่าสุดไหม ทั้งๆที่รักษาตัวตนมาได้ยาวนาน แต่การยืนต้านกระแส ใครก็รู้ว่ามันยากขนาดไหน ยิ่งในความเชี่ยวกรากของเม็ดเงินสะพัด การยืนหยัดโดยไม่ล้ม โค่น หรือถูกซัดเซพเนจรยิ่งยากขึ้นเท่าทวีคูณ
ชุมชนคนอัมพวารู้ไม่ใช่ไม่รู้ ช้าแต่ไม่ใช่เฉื่อย ซื่อแต่ไม่ใช่เซ่อ เขาพยายามรวมตัวกัน เขายืนยันที่จะเปิดตลาดทำเป็นเมืองท่องเที่ยวแค่สามวัน และขอดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขตามเดิมในสี่วันที่เหลือ คนอัมพวารุ่นเก่าเคยรักและภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตนอย่างไร บัดนี้ความรู้สึกนั้นกำลังค่อยๆกลับคืนมาอีกครั้งในคนรุ่นใหม่ เมื่อมีคนที่อื่นที่ไกลจะเข้ามากอบโกยทำลายบ้านเขา เขาพยายามช่วยๆกันส่งเสียงร้องเตือนเท่าที่กำลังเล็กๆปราศจากอาวุธกฎหมายคุ้มครองจะพอทำได้
จุดสังเกตง่ายๆคือ ในจังหวัดนี้คุณจะเห็นมีเซเว่นอีเลฟเว่นท์น้อยที่สุด ขณะที่โชห่วยแบบบ้านๆยังกระจัดกระจายอยู่ทุกหัวระแหงแม้ตามซอกซอยเล็กๆ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเพราะเศรษฐกิจชุมชนไม่ดี แต่เพราะคนที่นี่เขาช่วยๆกันยันไม่ให้มินิมาร์ทแฟรนไชส์รุกล้ำกล้ำเกินมากไป
ยังมีคนจังหวัดไหนคิดเรื่องแบบนี้บ้าง?
และหากว่าจะมีสักครั้งที่คุณคิดอยากให้รางวัลกับชีวิต หลบไปท่องเที่ยวใกล้ๆกรุงฯ แล้วคุณเลือกอัมพวา อย่ามัวเอาแต่ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวตามกระแสให้เสียเที่ยว
ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้สัมผัสกับเนื้อแท้ตัวตนของชุมชน (ซึ่งอาจไม่ได้เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก) ด้วยเนื้อแท้ตัวตนแห่งจิตวิญญาณความเป็นไทยที่คุณมีอยู่เต็มเปี่ยมไม่ว่าจะโดยสัญชาติหรือศาสนาใด
ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความเข้าใจว่าเพราะเหตุใด บ้านนี้เมืองนี้ซึ่งอยู่ใกล้กรุงเทพฯแค่เจ็ดสิบกว่ากิโลเมตรถึงยังคงสภาพสังคมอบอุ่นอ่อนโยนไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ทั้งๆที่เมืองคู่แฝดอย่างมหาชัยกลายสภาพเป็นดงโรงงานไปนานแล้ว
(คำตอบที่ขอให้ไว้พอสังเขปคือ ด้วยสภาพพิเศษของระบบนิเวศเมืองสามน้ำ คือ น้ำเค็ม น้ำจืด น้ำกร่อย ซึ่งเป็นตัวกำหนดลักษณะอาชีพและการดำเนินชีวิต คนแม่กลองไม่ทำสวนก็ทำประมงเป็นหลัก ทั้งสองอาชีพเหมือนกันตรงที่ต้องอาศัยความเพียรและละมุนละม่อม พิถีพิถันเอาใจใส่และช่างสังเกต ชาวสวนวันๆต้องขึ้นต้นมะพร้าวเอาน้ำตาลวันละสองรอบตลอดแปดเดือนในหนึ่งปี คนประมงพื้นบ้านกินนอนออกเรืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ขนาดทำรายได้ให้ไม่ขัดสน แต่เวล่ำเวลาที่จะไปใช้เงินเที่ยวเตร่ไม่มี ทำงานเหนื่อยค่ำลงก็นอน เช้าตื่นมาขยันต่อ ช่องทางจะเข้าไปเฉียดใกล้อบายมุขน้อย ช่องทางก่อหนี้สินรุงรังน้อย ผู้คนก็มีอิสระ พึ่งพาตัวเองได้ หยิ่งในศักดิ์ศรี และอยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียน จึงไม่จำเป็นต้องวิ่งเปลี่ยนตัวเองตามกระแสโลก)
ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองไปกิน-ไปนอน-ไปอยู่ ในบ้านเมืองที่โมงยามตามเข็มยาวสั้นของนาฬิกาไม่ได้มีความหมายไปกว่าเวลาน้ำขึ้นน้ำลง ที่นี่ความเร่งรีบรวดเร็วไม่ใช่สรณะ สิ่งบันเทิงไม่ใช่อยู่ในจอทีวี หากแต่เป็นจินตลีลาระบำในน้ำของปลาเสือปลาตะเพียน ทำบุญใส่บาตรพระพายเรือก่อนตะวันขึ้น กินขนมกินผลไม้กินอาหารรสชาติบ้านๆที่ทำใหม่ๆจากในครัวไม่ใช่พะยี่ห้อของโรงงาน เสพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกลับทิวยอดมะพร้าวยามโพล้เพล้ที่งามจับใจ พระจันทร์ทั้งข้างขึ้นข้างแรมก็สวยทั้งนั้นเมื่อไม่มีมุมตึกมาบดบัง และหลับสบายไปในค่ำคืนแสนสงบที่แสงดาวกับแสงหิ่งห้อยสุกสกาวเท่าๆกัน
นี่ไม่ใช่บทพร่ำพรรณนาของนิยายโรแมนติก ทั้งหลายทั้งปวงมีอยู่จริง และนี้แหละคือ “ชีวิตรื่นรมย์” ที่แท้ มนุษย์เราจะปรารถนาสิ่งใดมากไปกว่านี้ เงินทองหน้าที่การงานยังไม่จีรังเท่า แล้วจะเข้าใจว่าคนที่ดำรงตนอยู่ในสภาพบ้านเมืองปลอดกิเลสตัณหานั้นมีชีวิตที่มีคุณภาพอย่างไร กิเลสตัณหาที่ก่อตัวอยู่ทุกวันในใจเราก็พลอยได้เสื่อมสลายบางเบาลงไปด้วย
สุดท้ายของการไปเยือนในฐานะแขก เราควรมีส่วนช่วยเจ้าบ้านดูแลบ้าน ด้วยความสำนึกที่เขาสู้อุตส่าห์รักษาสภาพสังคมงามๆให้วันนี้เราได้มาชื่นชม โดยการไม่อุดหนุนกิจการหากำไร (เป็นต้นว่าเรือหางยาวนำเที่ยวซึ่งอันตรายและสร้างความเดือดร้อนรำคาญ) อันก่อให้เกิดวงจรอุบาทว์จากการท่องเที่ยว หรือการไม่ยัดเยียดค่านิยมน่ารังเกียจที่เรานำติดตัวไปจากเมืองใหญ่
เที่ยวอัมพวาอาจไม่สนุกแบบเที่ยวในเมืองหลวง แต่รับรองได้ว่ามีความสุข ไม่เชื่อลองปล่อยให้ลมหายใจของเราดำเนินไปกับสรรพชีวิต ธรรมชาติ และสายน้ำอย่างสอดคล้องด้วยจิตคารวะเถิด แล้วจะซึ้งว่า...
ที่ใดไม่มีกิเลสหนา ที่นั่นเราจักได้อยู่เย็นเป็นสุข
เรื่อง ภัทรพร อภิชิต media4joy@hotmail.com
ภาพ วีรวุฒิ กังวานนวกุล
วันศุกร์, พฤษภาคม 04, 2550
บ้านเมืองปลอดกิเลส
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น