วันจันทร์, มีนาคม 26, 2550

วันดี ๆ ของฉัน:ตอนเรียนรู้จากคุณพ่อระพีและผองเพื่อน

     
เมืองใหญ่เมืองนี้ มีมุมอบอุ่นรออยู่เสมอ ก๊วนมวลมิตรชาว Happy media – H m นี่ไงล่ะ แม้เวลาเพียงน้อยนิดที่เราร่วมแบ่งปันให้กัน ยังทำให้ทุกครั้ง ได้เรียนรู้ถึง “คุณค่าแห่งชีวิต” เก็บแต้มสะสมให้หัวใจได้เบิกบาน ...นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดกับฉันสม่ำเสมอ ยามเจอเพื่อนๆ ชาวH m และล่าสุดวันเสาร์ที่ผ่านมา (24 กุมภาพันธ์) ถือว่าเป็นรายการพิเศษอยู่ไม่น้อย เพราะพวกเราได้รับความเมตตาจากอาจารย์ระพี สาคริก ท่านได้ถ่ายทอดและแบ่งปันประสบการณ์ความรู้ของท่านแก่พวกเรา



อิ่มน้ำทิพย์ชโลมใจ...เรียนรู้จากคุณพ่อระพี

อาจารย์ระพีเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้พวกเราฟัง ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเองอย่างยิ่ง อาจารย์เรียกแทนตัวเองกับพวกเราว่า “คุณพ่อ” ทำให้ฉันรู้สึกเสมือนนั่งฟังญาติผู้ใหญ่ใจดีปลุกปลอบ ให้กำลังใจ ให้พลังสร้างสรรค์เพื่อก้าวสู่ชีวิตที่งดงาม ย้ำเตือนให้ฉันได้ “สติ” เริ่มต้นล้างพิษแห่งโทสะภายในที่สะสมไว้มากมายในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา
คุณพ่อระพีบอกว่า “สื่อที่แท้จริงคือ จิตเราเอง คนที่รู้ตัว จะไม่ทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อน เหตุของทุกอย่างอยู่ในใจมนุษย์ ขอให้อยู่ด้วยความรู้ความเข้าใจ ธรรมชาติมี 2 ด้าน ข้างนอก อย่าไปหลงมัน ส่วนข้างในนั้น ธรรมชาติในใจเราสำคัญสุด มีคนมาพูดชมพ่อว่า ใจเย็นนะอยู่กับต้นไม้ พ่อบอกว่า ใจเย็นน่ะ อยู่กับคนต่างหากล่ะ คิดซะว่า ธรรมชาติของเขาเป็นอย่างนั้น อย่าไปสนใจคือ ไม่ใช่ไม่ใส่ใจ แต่คือ เรามุ่งปฏิบัติตัวให้ดี เป็นแบบอย่างที่ดีให้ได้ คนเราน่ะอยู่ได้ด้วย ศรัทธา บารมี ปัญหาคือครู และหนังสือเล่มจริงอยู่ใจ... ความจริงที่อยู่ในตัวเองคือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จิตใจที่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เข้มแข็ง คนเรามันต้องเรียนรู้ไปแล้วปรับตัวเอง จิตที่เป็นอิสระคือ บุญ จิตที่ยึดติดคือ กรรม วัดที่แท้จริงอยู่ในใจ ตรงนี้ ทำอะไรก็ได้ ต้องจริงใจและมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง นั่นคือ การปฏิบัติธรรมแล้ว ขอให้เอาชนะใจคนด้วย ความดี อย่าไปคิดว่า เขาเป็นศัตรู เดินไปหาเป็นเพื่อนกับเขาเลย ใช้สื่อใจถึงใจ ฝึกไปให้ใจเข้มแข็งขึ้น ชีวิตทั้งชีวิตคือการศึกษา ของบางอย่างมันไม่เห็น แต่...ใจเห็น”

อิ่มสุขอิ่มกายกับผองเพื่อน

เมื่อใจอิ่มเอิบได้ประกายแห่งความดีงามมาจากคุณพ่อระพีแล้ว ชาว Hm ก็แล่นหาแหล่งจับกลุ่มจ้อต่อ ร้านนารีสโมสรของพี่หนูจึงกลายเป็นแหล่งพักพิงของผองเพื่อน ข้าวหน้าไก่และบะหมี่ไก่สูตรคุณพ่อของพี่หนูนับเป็นสิ่งดีเลิศด้วยคุณภาพที่เรามอบให้แก่ท้อง(กาย)ของเรา พร้อมกับชื่นชมงานฝีมือตัดเย็บอันปราณีตของคุณแม่ บวกกับการตกแต่งร้านที่ลงตัว รอยยิ้มเป็นกันเองของพี่น้องของพี่หนู ล้วนทำให้พวกเราอิ่มครบทุกรสสัมผัส

น้องเกมเปรยขึ้นว่า อาจารย์ระพีจบเหมือนเจ้าชายน้อยเลยนะ บางสิ่งมองไม่เห็นด้วยตา แต่ใจเห็น แล้วชอบที่อาจารย์บอกว่า เกษตรไม่ใช่อาชีพ แต่เป็นงานอบรม “ให้คนรักแผ่นดิน” นึกถึงความตั้งใจเราเลย กำลังจะไปทำนาที่ขอนแก่น เป็นนาของญาติ ขอไปช่วยเขา ซึ่งเพื่อนหลายคนเสริมส่งและเสนอตัวจะร่วมทางไปด้วย หากไม่ติดเงื่อนไขอื่นใด และที่เกมจะเริ่มต้นเลยก็คือ การเรียนรู้ อีสานไซโคโลจี้ เรื่องรวบรวมความรู้ของอาหารพื้นถิ่นอีสาน เพราะคำปรามาสของเชฟชาวอิตาเลี่ยนที่ว่า คนอีสานไม่มีความสามารถจะเป็นเชฟได้หรอก มันเป็นการดูถูกไปถึงต้นตระกูลเชียวนะ ...อันนี้เกมยอมไม่ได้ บวกกับมีความชอบเป็นทุนเรื่องของอาหารอยู่แล้ว จึงจะทำเรื่องนี้จริงจังขึ้นแบบปฏิบัติจริงเชียวล่ะ...ฉันคิดว่า ไม่นานนักหรอก เมืองไทยจะมีเชฟอาหารอีสานผู้เชี่ยวชาญ ที่สื่อความให้ต่างชาติเข้าใจถึงวัฒนธรรมการกินแบบอีสานได้ ไม่แพ้ชาติใด

ส่วน สาวเชียงใหม่ น้องแอมที่มีสำนึกรักบ้านเกิดอย่างยิ่ง กำลังก่อการ คิดทำโครงการเพื่อเด็กในซอยชุมชนวัดอุโมงค์ ช่วงแรกเราได้แลกเปลี่ยนความคิดกันด้วย ฉันนึกถึงกลไกเชิงนโยบายที่น่าจะได้เข้ามาร่วมไม้ร่วมมือเพื่อให้โครงการนี้สัมฤทธิ์ผล อย่างกลุ่มเทศบาลหรือหน่วยงานของจังหวัดที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงและน่าจะมีงบประมาณ ถ้าเขามีมุมมองนี้น่าจะเป็นตัวช่วยได้และโครงการน่าจะไปได้ดี แต่กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างได้ น่าจะต้องอาศัยการประสานงานอยู่พอสมควร ฝ่ายเกมมองต่างมุมได้น่าสนใจว่า ทำไปเถอะ ทำเท่าที่เราทำได้ก่อน พอฉันได้ฟังเกม ทำให้ได้คิด ณ ขณะนั้นเลยว่า ทำดีทำไปเถอะ เพราะหลายโครงการที่เคยเห็น ตอนทำเล็ก ๆ ได้ผลดีอยู่แล้ว แต่พอกลุ่มนั้น หน่วยนี้เข้ามาช่วยคนละไม้คนละมือ กลับกลายเป็นได้ความยุ่งยากแทนที่จะได้พลังความสามัคคี ทำให้เจ้าของโครงการที่เคยมีความสุขเกิดความลำบากใจ บทสรุปร่วมกันของพวกเราคือ ยังคงเสนอตัวอาสาร่วมด้วยเช่นเคย ทำกันตามกำลังที่เรามีอยู่นี่แหละ ขอให้ส่งข่าวบอกละกันนะ...น้องแอม
นี่เป็นเพียง บางเสี้ยวของวงคุยอย่างรื่นรมย์ของพวกเรา ที่พร้อมเปิดประตูให้เพื่อนคนอื่น ๆ ที่สนใจมาแจมกัน “สิ่งดีๆ มีมากเหลือเกินบนโลกนี้” เป็นวลีพื้นฐานที่เราเชื่อกัน แม้บางครั้งจะหลงลืมมันไปในช่วงเวลาที่เร่งรีบ แล้วพบกันใหม่ มาเก็บเกี่ยวความสุขร่วมกันนะคะ

บ้าย...บาย โย จิรา

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าอยากไปทำนาด้วย จะติดต่อที่ไหนดีคะ รู้จักกับพี่เอกที่นั่งอยู่ในรูปด้านบนค่ะ อาจจะต้องโทรถามพี่เอก ถ้าไม่มีใครตอบกระทู้นี้นะคะ

ส่วนตัวชื่นชมอาจารย์ระพีมากๆ เหมือนที่คุณโยบรรยาย พออ่านเจอเรื่องไปทำนา ไม่รู้ว่าชวนคนทั่วไปหรือเปล่านะคะ ลองเขียนมาดู เพราะอยากไปทำนา อยู่กับชาวบ้านต่างจังหวัด เพราะไม่เคยทำ แล้วอยากลองทำดูถ้ามีโอกาส คงจะทำให้จังหวะชีวิตช้าลงได้บ้าง

อลีน เฉลิมชัยกิจ สำนักพิมพ์สุขภาพใจ 02-415-2621 ต่อ 804

Karnjariya Sukrung กล่าวว่า...

ถ้าใครอยากไปทำนา อยู่กับชาวบ้าน และ ธรรมชาติ เราคาดว่าจะจัดกิจกรรม ในช่วงกรกฏาคม หรือ/และ พฤศจิกายนจ๊ะ
ยังไงจะบอกข่าวเน้อ
อุ๊